สนใจเทรดออนไลน์
สมัครเทรดออนไลน์
ประเด็นที่ 1 การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน
ในปี 62 สามารถทำข้อตกลงการค้าระยะแรกได้สำเร็จ แต่สิ่งที่เหลือจากข้อตกลงระยะแรก ได้แก่
1.) ข้อตกลงเกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา
2.) การดูแลค่าเงินหยวน
3.) การถ่ายเทคโนโลยีจากจีนไปสหรัฐฯ
4.) สหรัฐฯจะยังคงเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% จากสินค้าจีนมูลค่าราว 2.5 แสนล้านดอลลาร์ต่อไป
ซึ่ง 4 สิ่งนี้อาจเป็นเงื่อนไขในเจรจาการค้าระยะที่สองระหว่างสหรัฐฯ-จีน หากวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการเจรจาการค้าระยะที่สองเริ่มหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ เนื่องจากหากย้อนดูการเจรจาการค้าระยะแรกที่ข้อตกลงไม่ยาก ยังใช้เวลานานถึง 18 เดือน หากการเจรจาระยะที่สองใช้เวลานานจะทำให้ทองคำบวก และทำให้ตลาดหุ้นผันผวน
ประเด็นที่ 2 เศรษฐกิจโลกปี 2020 มีความเสี่ยงเหมือนปี 1930
ความเสี่ยงที่กล่าวถึงอ้างอิงบางบทความของคุณเรย์ ดาลิโอผู้ก่อตั้ง Bridgewater เฮดฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มองเศรษฐกิจโลกอยู่ในลักษณะที่เรียกว่า “ดำดิ่ง” และต้นเหตุของคำว่า “ดำดิ่ง” เกิดจากหนี้สาธารณะของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นจากนโยบาย health care ประกอบกับสหรัฐฯใช้มาตรการทางภาษีนำเข้าต่อนานาประเทศซึ่งสภาวะเศรษฐกิจโลกตอนนี้เหมือนปี 1930
เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯแม้ว่าจะลดดอกเบี้ยแต่ก็ยังใช้ดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้นในระดับสูง , หนี้สาธารณะของสหรัฐฯขึ้นไปแตะ 22 ล้านล้านดอลลาร์ , ภาคการผลิตในประเทศส่งออกกำลังลดลง และสหรัฐฯใช้มาตรการภาษีสินค้านำเข้ากับนานาประเทศ จึงทำให้นักลงทุนต้องจับตาความเสี่ยงนี้ หากเกิด Depression มีโอกาสที่ราคาทองคำจะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และดัชนี Dow Jones มีความเสี่ยงปรับลงแรงๆ
ประเด็นที่ 3 ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังจะถดถอยจาก 4 สัญญาณ
3.1 ดัชนีรายรับและรายจ่ายของสหรัฐฯ แสดงถึงความเสี่ยงในด้านกำลังการซื้อของประชาชน เนื่องจากดัชนีรายรับมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ แต่ดัชนีรายจ่ายปรับเพิ่มขึ้น ทำให้เห็นว่ากำลังการบริโภคของประชาชนลดลงอย่างมาก เป็นผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตผลักภาระภาษีไปสู่ผู้บริโภค ราคาสินค้าในสหรัฐฯจึงเพิ่มสูงขึ้น
3.2 ดัชนีภาคการผลิต และ.ดัชนีภาคบริการชะลอตัวตามกำลังซื้อของภาคประชาชนที่ลดลง ส่งผลต่อยอดการขายสินค้าของภาคเอกชน และเอกชนมีโอกาสชะลอการลงทุนเพิ่ม
3.3 GDP โดยกำลังการบริโภคหรือที่เราเรียกว่า Consumption (C) ลดลง และการลงทุนภาคเอกชน Investment (I) มีแนวโน้มลดลงเนื่องจากดัชนีภาคการผลิต และดัชนีภาคบริการ ชะลอตัวตามกำลังซื้อที่ลดลง ทำให้ GDP ลดลงหมายความว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจและมูลค่าของเศรษฐกิจของสหรัฐฯกำลังลดลง แสดงถึงความเสี่ยงในการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
3.4 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เป็นตัวเลขจากการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภครายเดือนจัดทำโดย University of Michigan ใช้เป็นสิ่งบ่งชี้ที่สำคัญ ซึ่งในปัจจุบันดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง ถือเป็นสัญญาณของการเจริญเติบโตที่ชะลอตัวของเศรษฐกิจนั่นเอง
โดย 4 สัญญาณความเสี่ยงของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่กำลังจะถดถอย จะมีการกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯของนักลงทุน เพราะนักลงทุนไม่อยากถือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าลดลงเรื่อยๆ ทำให้มูลค่าลดลงอย่างรวดเร็ว และทำให้สินทรัพย์ Safe Haven อย่างทองคำมีโอกาสที่ราคาจะเพิ่มสูงขึ้น
ประเด็นที่ 4 แนวโน้มการใช้นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ(FED)
การใช้นโยบายทางการเงินของ FED และการคาดการณ์ 3 อย่าง คือ
1.) GDP คาดการณ์ปี 62แตะ 2.2% ,ปี 63 ลดลงสู่ระดับ 2% ,ปี 64 ที่ 1.9% ,และปี 65 ที่ 1.8%
2.) คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปี 62 สู่ระดับ 1.6% ,ปี 2563 ที่ 1.9% และปี64 ที่ระดับ 2.0%
3.) คาดการณ์ว่าอัตราการว่างงานปี 62 และ 63 อยู่ที่ระดับ 3.5% จนถึงปีหน้า และปี 64 เพิ่มขึ้นสู่ 3.6%
ประเด็นที่ 5 แนวโน้มที่ทรัมป์จะถูกถอดถอน
มีแนวโน้มลงน้อยที่ทรัมป์จะโดนถอดถอน ระหว่างการถอดถอนทรัมป์มีโอกาสเห็นการอ่อนค่าของ US Dollar เพราะการถอดถอนกระทบต่อความต่อเนื่องของนโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งระหว่างทางมีโอกาสทำให้ราคาทองคำปรับขึ้น แต่หากเราคาดการณ์ผิดค่าเงิน US Dollar มีโอกาสอ่อนค่าอย่างรุนแรงทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ประเด็น 6 การเลือกตั้งสหรัฐฯที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน
จากผลงานของสหรัฐฯเป็นไปไม่ได้เลยที่ในการเลือกตั้งปี 2563 ของสหรัฐฯ ทรัมป์จะไม่เป็นประธานาธิบดีในสมัยที่ 2 และมาสานต่อการเจรจาการค้า ซึ่งอาจส่งผลทำให้ตลาดทองคำเกิดความผันผวนได้
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.caf.co.th/article/6-Impacts-on-Gold-Price,Year-63.html
Copyright © 2018 www.gcap.co.th All rights reserved.