สนใจเทรดออนไลน์
สมัครเทรดออนไลน์
ทองคำเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ราคาวิ่งสวนทางกับทิศทางเศรษฐกิจ กล่าวคือ เมื่อเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตชะลอลง ราคาทองคำกลับจะมีทิศทางเพิ่มขึ้น เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่รักษามูลค่า และไม่เสื่อมสภาพ นักลงทุนจึงมองทองคำเสมือนเป็นหลักประกันในช่วงที่สินทรัพย์อื่นเผชิญความเสี่ยงสูงหรือมีแนวโน้มด้อยค่าลงในช่วงเศรษฐกิจขาลงไม่ว่าจะเป็น หุ้น พันธบัตร เงินตราต่างประเทศ หรืออสังหาริมทรัพย์ ด้วยเหตุนี้เมื่อเศรษฐกิจเริ่มส่อเค้าว่าจะชะลอตัวลง ราคาทองคำย่อมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามความต้องการของนักลงทุนที่อยากหาความปลอดภัยจากความผันผวนของสินทรัพย์อื่น ในทางกลับกัน หากเศรษฐกิจขยายตัวดีต่อเนื่อง ราคาของสินทรัพย์อื่นก็มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต เป็นที่แน่นอนว่านักลงทุนย่อมต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่า ดังนั้นเงินลงทุนย่อมจะไหลกลับไปสู่สินทรัพย์อื่น เพราะแม้ทองคำจะมีมูลค่าที่มั่นคง แต่ก็ไม่ได้สร้างกระแสเงินสดให้นักลงทุนเฉกเช่นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลบ้างและสามารถขายเก็งกำไรได้ในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นร้อนแรง หรือเงินฝากและพันธบัตรที่จ่ายดอกเบี้ยออกมาบ้าง ความต้องการถือทองคำที่ลดลงนี้เองจึงทำให้ราคาทองคำลดลงในช่วงที่เศรษฐกิจดี หากมองย้อนไปดูวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ดี เช่น ในวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ที่เกิดในปี 2551 ทองคำเป็นสินทรัพย์เดียวราคาสูงขึ้นร้อยละ 4 ในปีนั้นหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 หากนับตั้งแต่เริ่มเกิดปัญหาสินเชื่อซับไพรม์ในปี 2550 อีกตัวอย่างหนึ่ง คือ ในช่วงที่เกิดวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปปี 2552-2554 ที่หลายประเทศในยุโรปไม่สามารถชำระหนี้ได้จนนำไปสู่การขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนรักษาเสถียรภาพยุโรป (EFSF) ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 52 นับตั้งแต่สิ้นปี 2552
ในสภาวะที่โลกยังเผชิญกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่สร้างความผันผวนต่อตลาดการเงินและทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวจนอาจนำไปสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจยังคงเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนและคาดเดาได้ยาก สินทรัพย์ที่ราคาเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับภาวะเศรษฐกิจถือเป็นหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ และทองคำก็เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ตอบโจทย์นี้ อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ใด ท่านผู้อ่านควรทำความเข้าใจธรรมชาติของสินทรัพย์นั้นและพร้อมรับความเสี่ยงและความผันผวนด้านราคาได้ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจขาลง
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_09Sep2019.aspx
Copyright © 2018 www.gcap.co.th All rights reserved.