ประเด็นเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐฯได้ถูกพูดถึงบ่อยมากขึ้นในช่วงนี้ แม้ในอดีตเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐฯนั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง แต่ที่ส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดคือในช่วงปี 2011 ที่ประเด็นเรื่องดังกล่าวทำให้สหรัฐฯถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อของประเทศลง
ในปี 2011 สหรัฐฯ จำเป็นต้องเพิ่มเพดานหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ โดยคลังแจ้งว่าการผิดนัดชำระหนี้อาจเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ในขณะที่ความพยายามในการเจรจาเพิ่มเพดานหนี้ของสภาคองเกรสหลายต่อหลายครั้งก็ไม่เป็นผล ทั้งสองฝ่ายคว้าน้ำเหลวในการเจรจา จนทำให้ S&P ออกมาปรับลดอันดับเครดิตตราสารหนี้ของรัฐบาลลงจากระดับ AAA สู่ระดับ AA+ เกิดผลกระทบต่อตลาดหุ้นตลาดตราสารหนี้และกระตุ้นให้ราคาทองคำในขณะนั้นพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,910 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐฯ มีเพดานหนี้อยู่ที่ระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ และปัญหาของรัฐบาลคือเงินจะหมดลงในช่วงต้นเดือนมิถุนายน หากสภาคองเกรสยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ก็อาจส่งผลให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่อาจสั่นคลอนตลาดการเงินทั่วโลกได้ สำหรับครั้งนี้ยังมีเวลาอีกราว 2 สัปดาห์ก่อนจะถึงเส้นตายที่คลังแจ้งไว้
หากใช้สถิติประเมินเป็นแนวทางแล้วดูเหมือนว่าจะมองข้ามประเด็นนี้ไปไม่ได้ นักลงทุนคงต้องเกาะติดประเด็นดังกล่าวอย่างใกล้ชิด หากการพิจารณาเพิ่มเพดานหนี้ยืดเยื้อจนเข้าใกล้เส้นตายมากขึ้นเท่าไร ก็อาจส่งผลให้สินทรัพย์ต่างๆ อาจตอบสนองคล้ายคลึงกับที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2011ได้ แต่กลับกันหากปัญหานี้ถูกแก้ไขได้ก็น่าจะคลายความวิตกในหมู่นักลงทุนเช่นกัน
DID YOU KNOW