สนใจเทรดออนไลน์
สมัครเทรดออนไลน์
รมว.กระทรวงการต่างประเทศจีนยืนกราน รัฐบาลปักกิ่งจะไม่มีทางเป็นฝ่าย "ก้มหัว" ให้กับสหรัฐเรื่องปัญหาการค้า ขณะที่ย้ำเรื่องฮ่องกงและซินเจียง "เป็นกิจการภายใน" และแผ่นดินใหญ่ไม่คิดแย่งชิง "บัลลังก์เจ้าโลก" จากอเมริกา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ว่านายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรมว.กระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวนอกรอบการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ( ยูเอ็นจีเอ ) ที่นครนิวยอร์ก เมื่อวันอังคาร ว่ารัฐบาลปักกิ่งไม่มีทางเป็นฝ่าย "อ่อนข้อ" ให้กับสหรัฐ โดยเฉพาะในเรื่องข้อพิพาทการค้า และแสดงความหวังว่าการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงในเดือนหน้า "จะก่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างสร้างสรรค์" หลังการพบหารือระดับเจ้าหน้าที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “ไม่มีความคืบหน้า”
ขณะเดียวกัน นายหวังกล่าวว่ารัฐบาลวอชิงตัน "ไม่ควรพยายาม" ด้วยการใช้วิธีการใดก็ตาม เพื่อหวัง "กดดัน" ให้รัฐบาลปักกิ่งปรับเปลี่ยนแนวทางแผนยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ หรือแนวคิดการแยกตัวทางเศรษฐกิจ ที่รวมถึงการแยกตัวของตลาดการเงิน อันเป็นผลจากการขยายตัวของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่รวมถึงจีน พร้อมทั้งกล่าวด้วยว่า การเจรจาระหว่างทั้งสองประเทศไม่ว่าในระดับใดก็ตาม "ไม่มีทางบรรลุผล" ตราบใดที่สหรัฐยังคงพยายามข่มขู่และบีบบังคับ "สิทธิอันชอบธรรม" ของจีนในการพัฒนาประเทศซึ่งเป็น "กิจการภายใน"
นอกจากนี้ นักการทูตหมายเลขหนึ่งของรัฐบาลปักกิ่งยังกล่าวถึงการวิเคราะห์ที่มีมาขึ้นว่า จีนจะแซงหน้าสหรัฐสู่การเป็น "มหาอำนาจด้านยุทธศาสตร์" ว่าจีนไม่เคยมีนโยบายแข่งขันกับใคร ทั้งในทางทฤษฎีและทางปฏิบัติจีนยังเป็นรองและตามหลังสหรัฐอยู่ในแทบทุกด้าน การวิเคราะห์หรือตั้งสมมติฐานว่ารัฐบาลปักกิ่งกำลัง "ทำศึกชิงบัลลังก์" เพื่อช่วงชิงการเป็น "อภิมหาอำนาจ" กับอีกฝ่ายจึงเป็นเรื่องที่เกินความจริง
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับฮ่องกงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวบนเวทียูเอ็นจีเอ ว่าสหรัฐกำลัง "จับตา" และการจัดการของจีนจะเป็นตัวกำหนด "อนาคตและภาพลักษณ์" ของรัฐบาลปักกิ่งบนเวทีโลกนั้น นายหวังกล่าวว่า "เป็นเรื่องสำคัญ" สำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ในการรักษา "เบสิกลอว์" ซึ่งเป็น "กฎหมายพื้นฐาน" ของฮ่องกง และการต่อต้านความรุนแรงทุกรูปแบบ และกล่าวถึงสถานการณ์ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ว่าเป็น "ปฏิบัติการ" ของรัฐบาลปักกิ่งในการ "ป้องกันการก่อการร้ายและการเผยแพร่แนวคิดหัวรุนแรง"
ขอบคุณเครดิตจาก : เดลินิวส์
Copyright © 2018 www.gcap.co.th All rights reserved.